วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เรื่อง"แม่" ของป้ามล...ทิชา ณ นคร การต่อสู้เพื่อลูก ที่มีกำลังใจเข้มแข็งจากแม่



ในวิทยานิพนธ์สตรีศึกษา "การหลอมรวมอุดมการณ์เฟมินิสต์ ประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน..เรื่องเล่าโดย สุนี ไชยรส"  มีเรื่องของพี่ทิชา ณ นคร(ป้ามล)ที่เข้มข้นและซาบซึ้งสะเทือนใจทุกคน..โดยเฉพาะเรื่องของลูก และแม่


              พี่ทิชา (พี่มล) เป็นครู รร.ราษฎร์   ร่วมชุมนุม 14 ตุลา   ต่อมามีบทบาทในศูนย์พิทักษ์สิทธิครู  เมื่อมีการปลดครู รร.ราษฏร์ออกมาก  จึงมีการชุมนุม  ในที่สุดรัฐบาลรับครูทั้งหมดเข้ารร.รัฐบาล   แต่ต้องไปอยู่ต่างจังหวัด  พี่ทิชา  จึงไปเป็นครูที่สุราษฎร์   พอดีมีการปลดผู้ว่าฯธวัช มกรพงศ์ที่  จ.พังงา เรื่อง
เหมืองเทมโก้ ที่ไปขัดผลประโยชน์นายทุนต่างชาติ  จึงกลับมาบ้านเกิดที่พังงา  เธอเล่าว่า
          รับไม่ได้เลย คุยกับเพื่อนขอยืมพิมพ์ดีด แอบไปใช้เครื่องโรเนียวของเพื่อน ทำแถลง การณ์อยู่คนเดียว  พอเสร็จตีสองไปติดที่ตลาดตะกั่วป่าคนเดียวเลย   ตอนบ่ายหารถได้ไฮด์ปาร์คบนหลังคารถชักชวนผู้คนไปชุมนุม...ปักหลักจนถึง 12 วันที่ศาลากลาง  นักเรียนตื่นตัวมากหลัง 14 ตุลาทำให้มากันเยอะ   มลกับพี่สุรชัย  แซ่ด่าน สลับกันปราศรัย  แต่แล้วหน่วยปฏิบัติการพิเศษ(นปพ.) ยิงกราดเข้ามาในฝูงชน  ศาลากลางพังหมด  อาจจะมีระเบิดด้วย มีคนตายคนเจ็บเยอะมาก  ผู้คนพากันหนี  มีคนพามลหนีใส่รถเอาผ้าคลุมออกมาไปส่งไว้ที่ จ.ระนอง  โบกรถสิบล้อหลายคันกว่าจะหลบมาถึงกรุง เทพฯ  แล้วก็ถูกไล่ออกจากครู  มีคนชุมนุมประท้วงคำสั่งที่ไล่มลออกให้มีความชอบธรรมกว่านั้น  แต่ผู้ว่าฯ ให้หน่วยพิเศษส่งตัวออกทันที  ไม่ให้กลับไปสุราษฎร์อีก

           เรื่องลูกของพี่มล และคำสอนที่ดีมากของแม่ของพี่มลเอง  ...ฉันเคยคุยกับพี่ทิชาฯ อย่างละเอียดมาแล้วสองครั้ง   แต่วันนี้เธอเล่าด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่าทุกครั้ง 


              พี่ทิชา  ณ นคร   เริ่มต้นจากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและความเป็นธรรม  เธอเพิ่งมาซาบซึ้งประเด็นผู้หญิงจากชีวิตครอบครัวตัวเอง  เมื่อเธอเล่าให้พวกเราฟังพร้อมน้ำตาในบางช่วง  มันสะท้อนความจริงของผู้หญิงจำนวนมาก  ไม่ว่าจะเข้มแข็งปานใดในการต่อสู้ทางการเมืองหรือเพื่อความเป็นธรรม  กว่าที่แต่ละคนจะผ่านด่านปัญหาของความรักและครอบครัวได้นั้น  มันแสนสาหัสเสียเหลือเกิน   แต่พี่มลยังดีที่มีแม่ที่เข้าใจเธอมาก 
               แม่มีหลักคิดที่ดีมาก   เหมือนที่เขามีงานวิจัยว่า  เด็กอยากได้ยินอะไรมากที่สุดยามเผชิญกับความยุ่งยากสับสน...แม่จะบอกเสมอว่า  ไม่เป็นไร...ถูกไล่ออกจากราชการก็ไม่เป็นไร  เมื่อพบอุปสรรคใด ๆ แม่ยืนข้างหน้าเสมอ  บอกว่า แม่ว่า  ไม่เป็นไร ก็ไม่เป็นไรสิ



                พี่ทิชา  อยู่กับแฟนก่อนแต่งงาน  แม่สามีเอา นสพ. เดลินิวส์ที่มีรูปเธอกำลังไฮด์ปาร์คโยนใส่หน้าแฟน   ว่าคนอย่างนี้หรือจะมาเป็นเมีย?  แต่ในที่สุดก็ไปทำพิธีแต่งงานกันง่าย ๆ  แล้วมาอยู่กรุงเทพฯ
                  "....พอมีลูกเขาได้งานเหมืองแร่ในระนองรายได้ดีเขาก็เลยไป   พอมีท้องคนที่สองเขาไม่บอกว่ามีคนอื่น แต่หลานเราบอก  เราทำงานที่สหทัยมูลนิธิเลยนั่งรถทัวร์ตั้งใจจะไปถามว่าจะเอาอย่างไร    ตอนคลอดครั้งแรกมีปัญหาสุขภาพขาดธาตุเหล็ก  เขาให้ถือใบเตรียมคลอดไว้   ถ้าคลอดอาจมีสถานการณ์ฉุกเฉินได้อาจต้องให้เลือดกะทันหัน   พอไปถึงก็เจ็บท้องทันที  ใบสุขภาพก็ไม่ได้ถือไป   ก็ไปคลอดอนาถา  มีปัญหาจริง ๆ   รกค้างเลือดออกมาก   ต้องยกตัวเราใช้ขันตักเลือดทิ้ง  ทุเรศทุรังมาก  แฟนมาหา แต่มาพูดเรื่องการหย่า  นี่เป็นการอับอายครั้งที่สองของชีวิตเลยนะ   นอนอยู่คืนหนึ่งก็นั่งรถทัวร์คันเก่ากลับมา    คนขับและกระเป๋ารถก็ตกใจที่เห็นคลอดแล้ว  ไปกดออดเรียกแม่เช้ามืด  อุ้มลูกมาแบบอนาถามากจนรันทดกับตัวเอง...    
                     มาได้สองสามวันแฟนตามมาเราก็ดีใจ   แต่เขาก็มาชวนไปหย่าอีก   ไปที่อำเภอสามสี่แห่ง   อำเภอก็ไม่หย่าให้เพราะเราร้องไห้  เจ้าหน้าที่บอกให้กลับไปคิดดูก่อน   แฟนก็ขุ่นข้องหมองใจมากเลย (เริ่มร้องไห้)  เพราะถ้ามลพูดคำเดียวเขาก็จะได้หย่า  มลจึงประจักษ์มากเลย   เรื่องลาออกจากการเป็นเมียมันยากจริง ๆ
                     
                   


เขามารอบสองลูกอายุได้ประมาณ  15 วัน  เขามาขโมยลูกไป  บอกว่าถ้าอยากได้ลูกคืนต้องไปหย่าให้ก่อน  เขาเอาลูกให้ย่าที่เป็นพยาบาลศรีธัญญาจ้างคนเลี้ยง  
                   แต่ยามนั้นเราก็คิดแบบ ผู้หญิง แท้ ๆ เลยนะ   คิดว่าดีเหมือนกัน  เผื่อมันย้อนคืนความสัมพันธ์มาได้  ก็บริหารตนเองในระหว่างยังไม่หย่า  ดูแลลูกคนโตแล้วไปทำงานให้สหทัยมูลนิธิที่ศิริราช  เย็นไปศรีธัญญาซึ่งไกลมาก  เลี้ยงลูกคนเล็กจนลูกหลับ  ถึงกลับมาดูแลลูกคนโตที่บ้าน  ทำอย่างนี้ทุกวัน   ซักผ้าต้องใช้น้ำบ่อ (ที่ฝั่งธน)  วงจรชีวิตเป็นอย่างนี้จนลูกอายุ 11 เดือน  ระหว่างที่เราไปหาลูก  แม่เขาจะไม่ยอมพูดด้วย   น้ำก็ไม่ให้กิน ลูกติดเรามาก  เขาก็ติดหลาน  เขาเลยโมโหบอกให้เราเลิกมายุ่งกับหลานเขา แบ่งกันคนละคน 
                     มลเขียน จม.ถึงเขา  บอกว่า ลูก-เด็กไม่ใช่สิ่งของนะ  จะได้แบ่งกันคนละชิ้น  ที่มาตลอดทุกวันนี้ก็หวังว่า ความสัมพันธ์ระหว่างมลกับแฟนจะฟื้นคืนมา  เป็นความรู้สึกของแม่ ของเมีย  ของผู้หญิง  ตลอดเวลาเราซื่อสัตย์  ผู้หญิงทุกคนอยากมีผัว  คนเดียว (ร้องไห้)
                ที่สุดเขาก็ยืนยันให้เราแยกจากลูก แฟนก็ว่าเขาตามใจเรามามากแล้วเขาต้องตามใจแม่เขาบ้างแล้ว 




                 ช่วงเวลานั้นทุกข์ใจมากนะ  รู้สึกว่าแยกลูกให้ไม่ได้   เขามาจากตัวมลและเราก็ยอมทำทุกอย่างแล้ว  เริ่มคิดจะเอาลูกกลับ  ยังไม่ยอมหย่า  แต่ไม่มีช่องทางเลย  เพราะเขาใหญ่ระดับรอง ผอ.พอดีมีเหตุการณ์ที่เขาไม่สบาย    ต้องไปนอนรพ.เอกชน  เอาหลานไปเลี้ยงด้วยอยู่ห้องวีไอพี  ลูกก็ท้องเสีย  เราก็ตามไปดูแลลูกทุกวัน  เขาเลยยื่นคำขาดไม่ให้มาอีกและสั่งลูกชายมาหย่า   
                    ในชั่วโมงนั้นเราไม่มีทางอื่นอีกแล้ว    ไปแต่เช้าก็ไปอุ้มลูกออกมาตอนพยาบาลเผลอ  สักพักพยาบาลที่รพ. ก็โทรมาที่สหทัยฯ  ขอให้เอาเด็กมาคืน  เพราะคุณย่าจะแจ้งความว่าเด็กหาย   จะทำให้รพ.เดือดร้อน  เรายืนยันขอให้รพ.มั่นใจว่า ถ้าเป็นคดีความจริง ๆ เราไม่แพ้แน่ เพราะเป็นแม่  สหทัยฯ ก็ส่งจนท.ไปคุยกับรพ.  ว่าแม่เขาไม่คืนลูกแน่  ถึงที่สุดก็เลยได้ลูกคืน  เขาก็ไม่ฟ้อง 
                 ก็ติดต่อทาง จม. หาแฟนทันทีว่าพร้อมจะหย่าแล้ว  ทำบันทึกข้อตกลงพิเศษว่าเด็กจะอยู่ในความดูแลของมลตลอดไป  และไม่ขอรับค่าเลี้ยงดู  แม่จะเป็นผู้อุปการะเองเพราะกลัวเขาจะมาเอาลูกไป   
                      ตอนนั้นลูกอายุ 11 เดือน  ....



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น