ชวนฟังคลิปงานสัมมนา จัดโดยวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม 26กย 65 นำเสนอรว่าด้วยายงานศึกษาเบื้องต้น. หลักคิดของเศรษฐศาสตร์แห่งความเป็นมารดา หลักการที่ต้องดูแลเด็กเล็ก และเป็นการสนับสนุนการมีงานทำมีรายได้ของแม่ รวมทั้งพ่อ และผู้ปกครอง พบภาพรวมของการเลี้ยงดูเด็กเล็กตั้งท้องจน 6ปี เป็นภาพรวมที่น่าตกใจที่รัฐและสังคมต้องช่วยกันแก้ไขภาวะที่เด็กเล็กจำนวนประมาณ 1.8ล้านคน ไม่ได้อยู่ในศูนย์การดูและและพัฒนาการเรียนรู้ที่ถูกต้องเหมาะสม ในขอบข่ายที่รัฐทุกระดับให้การสนับสนุนดูแล ที่มีอยู่และมีงบดูแลบ้าง ทั้งศูนย์พัฒนาเด็ก รร อนุบาล ของรัฐและองค์กรปกครองท้องถิ่น ก็ยังมีปัญหาหลักคือทิ้งช่วงเวลากว่าจะได้เข้าทั่วไปก็สามขวบ ช่วงเด็กเล็กๆ0-3ปีที่สำคัญที่สุดในช่วงชีวิต กลับตกหล่นอย่างยิ่ง
เด็กเล็กที่อยู่ในระบบการดูแลแล้ว ก็มีปัญหาเวลาเปิดปิดไม่สอดคล้องกับชีวิตจริงของคนทำงาน ที่เปิดปิดแบบเวลาราชการ ส่งลูกไม่ได้ต้องไปทำงาน ให้รับกลับเร็ว กลับมารับไม่ได้ ไม่ทัน. นี่คือปัญหาที่สำคัญที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการได้
การลงพื้นที่ดูกรณีศึกษาของสถานเลี้ยงเด็กที่ผู้คนต้องไปฝากลูกหลาน. แม้เสียเงินบ้างและบางแห่งคุณภาพอาจไม่ได้มาตรฐานตามเกณฑ์รัฐ. แต่ใกล้ที่พัก และช่วยดูแลให้สามารถไปทำงานได้ ยืดหยุ่นเวลา และดูแลเหมือนลูกหลาน.....คำถามคือ. แล้วหน่วยงานรัฐ. และอปท. กทม. จะทำอย่างไรที่ทำให้สามารถช่วยสนับสนุน ช่วยพัฒนา. ไม่ใช่ปล่อยไปตามสภาพ. ลูกหลานคนจนอยู่ในสถานเลี้ยงดูแบบนี้จำนวนมาก. หรือเลี้ยงเอง ส่งปู่ย่าตายายไปก็มาก
มีเรื่องราวบทเรียนจากต่างประเทศ ๕ ประเทศนำเสนอมาเปรียบเทียบกับประเทศไทย. เช่นสิทธิการลาคลอด การอุดหนุนดูแลการเลี้ยงดูเด็กเล็ก ที่มีหลายรูปแบบ และเป็นสวัสดิการเด็กเล็กที่ท้าทายสังคมไทย. ไม่ใช่วาทกรรมที่พูดว่า. บริบทต่างกันเท่านั้น. แต่ต้องมาร่วมมือกันทั้งรัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม และสถาบันวิชาการ. เพื่อไม่ทิ้งเด็กเล็กคนใดไว้ข้างหลัง เป็นสิทธิเด็กเล็ก. ที่ต้องมีหลักประกันความทั่วถึง
วันนี้มีผู้ทรงคุณวุฒิจาก กทม., กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น มหาดไทย.,กรมกิจการเด็กและเยาวชน พ.ม. , ยูนิเซฟ ,ทีดีอาร์ไอ มาวิจารณ์และแลกเปลี่ยนภารกิจของแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งข้อเสนอจากภาคประชาสังคม. ทั้งแรงงาน เด็ก. คนจนเมือง และ ส.ส.จากหลายพรรคมาร่วมรับฟัง และเสนอความเห็นแลกเปลี่ยนด้วย
