วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

การปฏิรูปกฎหมายแรงงานไทยรองรับประชาคมอาเซียน


การปฏิรูปกฎหมายแรงงานไทย
รองรับประชาคมอาเซียน                                                                      
                                                สุนี ไชยรส                                                                                                                   รองประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมาย    (บทความในงานวันนิคม จันทรวิทุร ปี๒๕๕๖ วันที่ ๓๑ ตค.๕๖ ที่กระทรวงแรงงาน)

   
         การสร้างและพัฒนาระบบสวัสดิการสังคมให้ทุกคนในสังคมมีหลักประกันพื้นฐานในชีวิต มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน เป็นเรื่องสำคัญที่สุดเพื่อให้คนทุกคนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์  ดังนั้นการส่งเสริมและคุ้มครองระบบการดูแลคนวัยทำงานจึงเป็นข้อต่อสำคัญที่สุดของทุกคนและทุกครอบครัว ในการทำงานเพื่อดูแลตัวเอง ลูกหลาน พ่อแม่ญาติพี่น้อง นั่นคือการพัฒนาสร้างฐานแห่งชีวิตตั้งแต่เกิดจนถึงชราภาพ ในเรื่องค่าตอบแทนและสวัสดิการ สุขภาพอนามัย ความปลอดภัยในชีวิตการทำงาน  หรือแม้แต่ในยามที่พิการ  หรือต้องจากไป ซึ่งเป็นการลดภาระของรัฐในการแก้ปัญหาระยะยาวอย่างยั่งยืน และสอดคล้องกับความต้องการของคนทำงาน
                  จากการศึกษาและรับฟังปัญหากฎหมายแรงงานของไทยที่มีอยู่ พบว่า แม้กฎหมายแรงงานของไทยจะก้าวหน้าและพัฒนาขึ้นมาเป็นลำดับ  แต่ก็ยังมีปัญหาดำรงอยู่ในเชิงเนื้อหาสาระ และกลไกการบังคับใช้ในภาพรวมยังมีความลักลั่น เช่น คำนิยามของลูกจ้าง และนายจ้างที่ต่างกัน  เป็นช่องว่างสำคัญให้คนทำงานจำนวนมากไม่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายต่างๆ ว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม ที่สำคัญมีข้อจำกัดในกลไกคุ้มครองการรวมกลุ่ม  การเจรจาต่อรองร่วมในกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ อีกทั้งมีปัญหาในการบังคับใช้กฎหมาย  รวมถึงปัญหาจากกฎหมายลำดับรอง  การเข้าถึงสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ทั้งในกลไกเชิงบริหารของรัฐ และกระบวนวิธีการพิจารณาของศาลแรงงาน
                  เมื่อประกอบกับโครงสร้างสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำอย่างสูง มีช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนอย่างมาก  ขณะที่คนส่วนใหญ่ยังขาดปัจจัยการผลิต  ทั้งที่ดินทำกินและอยู่อาศัย  มีข้อจำกัดในการเข้าถึงเงินทุน  การไม่มีกลุ่มแรงงานที่เข้มแข็งจึงทำให้มีอำนาจต่อรองต่ำ ส่งผลต่อระบบค่าจ้างและสวัสดิการในการทำงานที่ต่ำและส่งผลให้ระบบสวัสดิการสังคมอ่อนแอ  คนทำงานโดยเฉพาะผู้ใช้แรงงานทั่วไปทั้งในและนอกระบบ  จึงยิ่งประสบความเหลื่อมล้ำและไม่เป็นธรรม ไม่มั่นคงในชีวิตทั้งของตนเองและครอบครัว ทั้งแรงงานไทยในประเทศ และแรงงานไทยไปต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานข้ามชาติในประเทศไทยด้วย แม้กฎหมายคุ้มครองแรงงานของไทยจะยึดหลักคุ้มครองแรงงานข้ามชาติเท่าเทียมกับแรงงานไทย


                  ยุคแห่งโลกาภิวัฒน์ที่ผ่านมา  มีการเคลื่อนย้ายแรงงานไปสร้างคุณค่าให้ประเทศอื่นๆอย่างกว้างขวางทั่วโลก  เมื่อมีการจัดตั้งประชาคมอาเซียน ยิ่งมีแนวโน้มที่จะมีการพัฒนาเศรษฐกิจและการบริการมากยิ่งขึ้น  ความต้องการแรงงานและการเคลื่อนย้ายแรงงานในกลุ่มประเทศอาเซียนก็จะมากขึ้น แต่กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิแรงงานของแต่ละประเทศสมาชิกยังคุ้มครองและส่งเสริมไม่เท่าเทียมกัน  ทำให้มีปัญหาความไม่เป็นธรรม และไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากลของสหประชาชาติและองค์การแรงงานระหว่างประเทศ รวมทั้งมาตรฐานเบื้องต้นของอาเซียนเอง เช่น ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการคุ้มครองและการส่งเสริมสิทธิของแรงงานข้ามชาติ (ปฏิญญาเซบู) ทำให้แรงงานในแต่ละประเทศ ทั้งแรงงานชาตินั้นๆแรงงานข้ามชาติในแต่ละประเทศ ยังขาดการคุ้มครองดูแลตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น 

               ในการก่อตั้งประชาคมอาเซียนเน้นถึงความสำคัญของการร่วมมือกันโดยแบ่งเป็นการพัฒนา ๓ เสาหลักควบคู่กัน คือ ประชาคมด้านเศรษฐกิจอาเซียน  ประชาคมด้านความมั่นคงและการเมือง  และประชาคมด้านสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน  แต่กระแสของประเทศสมาชิกอาเซียน อาเซียนและรัฐบาลไทยเอง  ยังให้ความสำคัญเน้นหนักแต่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน   ทำให้ละเลยต่อการตระเตรียมพัฒนาทั้งนโยบายและกฎหมายด้านแรงงาน สิ่งแวดล้อม  สิทธิมนุษยชน และ การให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ตามเสาหลักที่ ๓ ที่เน้นถึง..
            ...การเคารพ คุ้มครองสิทธิมนุษยชน เคารพเสรีภาพ มีความเสมอภาคระหว่างเพศ  
            ...เคารพความแตกต่างทางวัฒนธรรม และภาษา
            ...การพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของประชาชนรุ่นปัจจุบันและอนาคต
            ...ให้เป็นประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง  โดยทุกภาคส่วนของสังคมได้รับการส่งเสริมให้มีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์

                        ดังนั้น คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.)ที่เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒๕๕๐ มาตรา ๘๑(๓) ให้มีองค์กรเพื่อการปฏิรูปกฎหมายที่ดำเนินการที่เป็นอิสระ เพื่อปรับปรุงและพัฒนากฎหมายของประเทศ  รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมายให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ  โดยต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายนั้นประกอบด้วย...และมี พ.ร.บ.คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ.๒๕๕๓   ที่กำหนดยุทธศาสตร์เร่งด่วนที่สำคัญประการหนึ่งคือ การพัฒนาระบบกฎหมายด้านสวัสดิการสังคม   จึงให้ความ  สำคัญในการศึกษาและพัฒนามาตรฐานแรงงานร่วมของอาเซียน ตามเจตนารมณ์ของการก่อตั้งประชาคมอาเซียน  คู่ขนานกับการปฏิรูปปรับปรุงกฎหมายแรงงานของประเทศไทย  โดยมีคณะอนุกรรมการสามชุดที่ศึกษาและพัฒนาเรื่องนี้โดยตรงคือ คณะกรรมการเฉพาะเรื่องพิจารณาและปรับปรุงกฎหมายด้านสวัสดิการสังคม  คณะอนุกรรมการปฏิรูปกฎหมายแรงงาน และคณะอนุกรรมการด้านประชาคมอาเซียน


พัฒนากฎหมายแรงงานไทย สู่มาตรฐานแรงงานร่วมของอาเซียน 

...บนฐานมาตรฐานสากล


                        กฎหมายแรงงานไทย จึงมีความจำเป็นต้องพัฒนาให้เป็นไปตามมาตรฐานระหว่างประเทศ  ทั้งของสหประชาชาติ หลักการทำงานที่มีคุณค่า และองค์การแรงงานระหว่างประเทศ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อเป็นแบบอย่างและกระตุ้นให้เกิดการพัฒนามาตรฐานแรงงานร่วมในอาเซียน  และร่วมมือกันรักษาผลประโยชน์ของแรงงานทุกชาติร่วมกัน   ตามเจตนารมณ์ที่ให้ถือประชาชนในอาเซียนเป็นศูนย์กลาง  เพราะประเทศไทยเป็นทั้งประเทศผู้รับแรงงานข้ามชาติจำนวนมากมาสร้างคุณค่าให้เศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันก็เป็นประเทศผู้ส่งคนงานไทยไปต่างประเทศ ที่นำรายได้มหาศาล กลับมาครอบครัวและประเทศโดยรวมมายาวนาน   ในขณะที่ยังมีข้อท้วงติงจำนวน ไม่น้อยต่อการปฏิบัติต่อแรงงานข้ามชาติในไทย กระทั่งเป็นปัญหาล่อแหลมต่อการค้ามนุษย์ในหลายประเด็น  และแรงงานไทยไปต่างประเทศก็ยังไม่ได้รับการ คุ้มครองดูแลทั้งจากต้นทางในไทย จนถึงในประเทศปลายทาง  รวมถึงปัญหาของกฎหมายต่อแรงงานไทยโดยรวมด้วย                  
                      
             ในเบื้องต้นที่ทาง คปก.กำลังศึกษาและยกร่างนี้ เน้นการอิงหลักมาตรฐานทางสากล ว่าด้วยสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงาน  เพื่อให้มีเกณฑ์กลางในการประกันสิทธิสำหรับคนทำงานทุกคน โดยไม่คำนึงถึงสัญชาติและการเข้าเมือง เพื่อให้ทุกรัฐปฏิบัติต่อคนทำงานทุกคนอย่างเสมอภาค  ซึ่งควบคู่กับการพัฒนาปรับปรุงกฎหมายแรงงานของไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานแรงงานของอาเซียนดังกล่าวด้วย โดยจะทำงานร่วมกับหน่วยงานของรัฐ ภาคประชาสังคม และขบวนแรงงาน ทั้งในประเทศไทย และประเทศสมาชิกของอาเซียนไปด้วย

การปฏิรูปกฎหมายแรงงานของประเทศไทย
            ประเทศไทยถือว่าได้เปรียบหลายๆประเทศ  เนื่องจากประเทศไทยเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง และเป็นภาคีอนุสัญญาหลักที่สำคัญ และมีผลบังคับใช้แล้ว  เช่น

                   - อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก มีผลปี ๒๕๓๕     
            ¬ อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีทุกรูปแบบ มีผลปี ๒๕๒๘
            - กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง มีผลปี ๒๕๓๙
            - กติกาฯ ว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม มีผลปี ๒๕๔๒
            - อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติทุกรูปแบบ  อนุสัญญาว่าด้วยคนพิการ ปี๒๕๕๑ ฯลฯ   ประเทศไทยจึงมีข้อผูกพันที่จะต้องดำเนินการพัฒนากฎหมายและการบังคับใช้ภายในประเทศให้เป็นไปตามอนุสัญญาต่างๆ ซึ่งเป็นฐานที่ดีในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคน และคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
            นอกจากนี้ ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งใน ๔๒ สมาชิกผู้ก่อตั้งองค์การแรงงานระหว่างประเทศ( ILO) ในปี พ.ศ.๒๔๖๒  (ค.ศ.๑๙๑๙) ซึ่งมีอนุสัญญาที่ยังมีผลบังคับ ๗๗ ฉบับ และ ๘๒ ข้อแนะ โดยประเทศไทยให้การรับรอง   ๑๔ ฉบับ  คิดเป็น ๑๕ เปอร์เซ็นต์(ระหว่างปี ๒๕๑๒ ถึง ๒๕๔๒)  แต่ยังมีข้อจำกัดที่ต่ำกว่าการรับรองเฉลี่ยของประเทศกลุ่มอาเซียนที่ ๑๗.๖  ฉบับ  และต่ำกว่าประเทศทั่วโลกซึ่งรับรองเฉลี่ยที่ ๔๒ฉบับ

(ตารางที่ ๑ และ ๒ ข้างล่างนี้ จากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ  ณ วันที่ ๑ 
พฤษภาคม ๒๕๕๖ ที่มีสมาชิก ๑๘๕ ประเทศ​)   




            ที่มีนัยสำคัญ คืออนุสัญญา ๘ ฉบับหลัก ซึ่งประเทศอาเซียนรับรองต่างกัน (ข้อมูลจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ)  ซึ่งขบวนแรงงานไทยและภาคประชาสังคมต่างเรียกร้องและผลักดันให้รัฐบาลไทยรับรองมายาวนาน โดยเฉพาะฉบับที่ ๘๗ และ ๙๘ว่าด้วยเสรีภาพการรวมตัวและการต่อรองร่วม  และมีข้อตกลงกับขบวนแรงงานล่าสุดว่า  รัฐบาลจะดำเนินการเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนตุลาคม ๒๕๕๖ และจะให้เสร็จสิ้นภายในเดือน พฤษภาคม ๒๕๕๗

บทบาทร่วมและสนับสนุนของคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก) 
              คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.)  มีหน้าที่พัฒนากฎหมายทั้งระบบ ทั้งกฎหมายเสนอใหม่  กฎหมายลำดับรอง และการบังคับใช้ บนฐานสิทธิมนุษยชน  การพัฒนาองค์ความรู้ และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน  การทำงานร่วมกับเครือข่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนร่าง กฎหมาย เข้าชื่อของประชาชนตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ  และเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี รัฐสภา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเสนอต่อสาธารณะ ซึ่ง คปก. มีการศึกษาวิจัยไปหลายฉบับ จัดเวทีรับฟังเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรพัฒนาเอกชน รวมทั้งขบวนแรงงาน  และองค์กรระหว่างประเทศ คปก.จึงมีบันทึกความเห็นและข้อเสนอแนะ ในด้านกฎหมายแรงงาน ไปแล้ว ดังนี้
              ๑) ร่างกฎหมายเข้าชื่อของประชาชน เช่น ร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับที่.. พ.ศ. …. ซึ่งเป็นกฎหมายสิทธิพื้นฐานที่สำคัญของการพัฒนาระบบสวัสดิการสังคม มีผลต่อคนทำงานทั้งในและนอกระบบ รวมทั้งแรงงานข้ามชาติ หลายสิบล้านคน  แต่สภาผู้แทนราษฎรลงมติไม่รับหลักการ ทำให้ร่างนี้ไม่ได้รับการพิจารณา และภาคประชาชนที่เสนอร่างกฎหมายไม่สามารถใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ที่จะได้เป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างนี้ด้วย  ซึ่ง คปก.ได้มีบันทึกความเห็นถึงคณะรัฐมนตรี และรัฐสภาไปแล้วสองฉบับ  คือการเสนอทักท้วงการลงมติไม่รับหลักการร่างกม.เข้าชื่อของประชาชน  ว่าไม่ชอบด้วยเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ   และจะส่งผลสำคัญต่อร่างกฎหมายเข้าชื่อของประชาชน รวมทั้งกฎหมายด้านแรงงานอีกหลายฉบับ เช่น ร่างพ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ ฉบับที่.. พ.ศ…..  ร่างพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ….    
        ส่วนบันทึกความเห็นของ คปก.อีกฉบับหนึ่ง ว่าด้วยข้อเสนอแนะต่อเนื้อหาในร่างกฎหมายประกันสังคม  ที่อยู่ในวาระที่ ๒ ของสภาผู้แทนราษฎร และยังมีหลายประเด็นที่พลาดโอกาสการปฏิรูปกฎหมายสำคัญฉบับนี้อย่างน่าเสียดาย
            ๒) ข้อเสนอแนะต่อกฎหมายลำดับรอง  และการบังคับใช้กฎหมาย เช่น
            ..การเร่งรัดและเนื้อหาสาระบางประการ ต่อการจัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม
            …ความเห็นและข้อเสนอแนะเรื่องกระบวนการยุติธรรมด้านแรงงาน และร่างข้อกำหนดศาลแรงงานว่าด้วยการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีด้านแรงงาน พ.ศ. …. เสนอต่ออธิบดีศาลแรงงาน
            …ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อนายกรัฐมนตรี และกระทรวงแรงงาน เรื่องให้ชะลอการประกาศใช้ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยแรงงานประมงทะเล และให้นำมารับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วนใหม่ (รวมทั้งได้ร่วมกับกระทรงแรงงาน และองค์การแรงงานระหว่างประเทศ รับฟังและกำลังจัดทำข้อเสนอแนะอีกครั้งหนึ่ง)
            …ความเห็นและข้อเสนอแนะ ต่อการบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ.๒๕๕๕
            …ความเห็นและข้อเสนอแนะ ต่อ การบังคับใช้ พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๔
           ๓) การศึกษาและจัดทำแนวทางของประมวลกฎหมายแรงงาน  เนื่องจากกฎหมายแรงงานมีหลายฉบับ มีความลักลั่น และทับซ้อนกัน  เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 
            ๔) การศึกษาและจัดทำแนวทางของมาตรฐานแรงงานร่วมของอาเซียน ร่วมกับสถาบันวิชาการ ภาครัฐ และกลไกของอาเซียน รวมกับภาคประชาสังคม

ก้าวต่อไปร่วมกันเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนอาเซียน และสวัสดิการสังคมที่ดีของแรงงานไทย
            คปก.พร้อมจะศึกษา เรียนรู้ และร่วมมือกับเครือข่ายทุกภาคส่วน ในการติดตามผลักดัน และรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ในการปฏิรูปกฎหมาย และอาศัยกฎหมายเป็นเครื่องมือช่วยพัฒนาเสริมสร้างความเข้มแข็งของประชาชน  สร้างประสิทธิภาพของภาครัฐ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนทั้งสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม และเกิดผลที่ดีต่อประชาชนของอาเซียนโดยรวม

วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

"รายการ เสน่ห์วันวาน"... ๔๐ ปี ๑๔ ตุลา ความทรงจำแห่งประชาธิปไตย ๒ คลิป






ในวาระ ๔๐ ปี ๑๔ ตุลา รายการโทรทัศน์ และสื่อต่างๆให้ความสนใจทำเรื่องราวออกมาหลายรายการ ไม่เว้นแม้แต่รายการ "เสน่ห์วันวาน" ..มี ๒ คลิปค่ะ   เผยแพร่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๕๖ ช่วงแรก...ที่มาของ ๙ คนถูกไล่ออกกรณีทุ่งใหญ๋   กลุ่มอิสระของนักศึกษา รวมทั้งกลุ่มผู้หญิงธรรมศาสตร์ http://www.youtube.com/watch?v=hj1aE6BF6pg&feature=youtu.be   และ  http://youtu.be/7YbWDLTweQI





วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556

เพลงโชลิดาริตี็้ โดยวงภราดร

วงภราดร วงคนงาน ในวันที่ขบวนแรงงานจสกคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กลุ่มอยุธยา และภาคตะวันออก  ไปร่วมเดินหยุดเขื่อนแม่วงก์ วันที่ ๒๐ กย.๕๖ และเมื่อขบวนเดินเสวนาและพักผ่อนยามค่ำที่นวนคร  วงภราดรจึงเล่นดนตรีที่นั่น

http://comradeblogcom.blogspot.com/2013/09/blog-post_8857.html?spref=fbhttp://comradeblogcom.blogspot.com/2013/09/blog-post_8857.html?spref=fb


วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556


การต่อสู้ของ”มด” คือทิศทางของพลังสามประสาน นักศึกษา กรรมกร ชาวนา..เพื่อคนจน และประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

5 ธันวาคม 2012 เวลา 18:29 น.
ตลอดเส้นทางการต่อสู้จนวาระสุดท้ายของชีวิต  ..”มด” วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์   …ไม่อาจแยกจากประวัติศาสตร์การต่อสู้ของขบวนนักเรียนนักศึกษาประชาชน   ที่มีอุดมการณ์ ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม และเพื่อ คนจน

                วัยเยาว์แห่งนักเรียนของมดก่อน ๑๔ ตุลา ๑๖ เป็นช่วงกระแสของนักเรียนนักศึกษาที่เริ่มตระหนักถึงอุดมการณ์ที่จะต้อง“รับใช้ประชาชน” และหลัง ๑๔ ตุลาก็ยิ่งโถมตัวเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของกรรมกร ชาวนา  เพราะการมีรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้งยังไม่สามารถแก้ปัญหาโครงสร้างอำนาจทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรม และการกดขี่ที่หนักหน่วง  จึงเกิดการประสานกับนักเรียนนักศึกษาปัญญาชนเป็นพลังสามประสาน”อย่างกว้างขวาง
                   มดเข้าร่วมการต่อสู้ทั้งของชาวนา กรรมกร และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้หญิงธรรมศาสตร์ ปี ๒๕๑๗  และในที่สุดได้ทุ่มเทกับการต่อสู้ของกรรมกร  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการต่อสู้ของกรรมกรฮาร่า ที่เป็นตำนานหนึ่งที่สำคัญของขบวนกรรมกรไทย  จากการกดขี่ ขูดรีดแรงงาน หญิงและเด็กอย่างหนัก   เมื่อลุกขึ้นสู้ขอความเป็นธรรมกลับถูกคุกคามทำร้ายอย่างป่าเถื่อนทั้งจากกลุ่มอิทธิพลของทุนเอง และจากเจ้าหน้าที่ผู้ใช้อำนาจรัฐ   มีการต่อสู้ที่เด็ดเดี่ยวจนถึงขั้นยึดโรงงานทำการผลิต   และมีการหนุนช่วยจากขบวนแรงงาน นักศึกษา ศิลปินเพื่อชีวิต  ถือว่ามีการรณรงค์ต่อสังคมและสื่อให้เข้าใจการต่อสู้อย่างแข็งขัน…

                 แน่นอนว่ากรรมกรฮาร่าถูกปราบ และเมื่อเกิดกรณีการปราบปรามขบวนนักศึกษาประชาชนอย่างโหดเหี้ยมในเหตุการณ์ ๖ ตุลา ๒๕๑๙  มดและกรรมกรฮาร่าจำนวนหนึ่งก็เข้าร่วมการต่อสู้ในเขตป่าเขากับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เช่นเดียวกับนักเรียน นักศึกษาปัญญาชน และกรรมกรชาวนาทั่วประเทศ และเมื่อกลับจากป่าก็ยังโถมตัวเข้าร่วมการต่อสู้กับคนจน ชาวนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมัชชาคนจน  รวมทั้งการไปเข้าร่วม และให้กำลังใจ ถ่ายทอดบทเรียนแก่ ขบวนคนจน ชาวนา และการปกป้องสิ่งแวดล้อม ทั่วประเทศ…จนวาระสุดท้ายแห่งชีวิต
                      เรื่องราวของกรรมกรฮาร่าได้ถูกบันทึกในพิพิธภัณฑ์แรงงานไทย  ที่มีนักศึกษาประชาชน ทุกระดับไปเยี่ยมชมต่อเนื่อง  พิพิธภัณฑ์แรงงานไทยก่อตั้งและบริหารงานโดยขบวนกรรมกร   ในห้องการจัดแสดงยุคร่วมสมัยที่เริ่มต้นจาก ๑๔ ตุลา ๑๖   มีทั้งรูปภาพ โปสเตอร์เก่าๆ กางเกงยีนส์ เรื่องราวของฮาร่า    รวมทั้งพิพิธภัณฑ์แรงงานไทย ได้เชิญ”มด” และกรรมกรฮาร่า มาเล่าเรื่องราวย้อนอดีต  เพื่อเติมเต็มบันทึกประวัติศาสตร์การต่อสู้ของกรรมกรฮาร่า  และบทบาทของนักศึกษากับขบวนกรรมกร   นอกจากนี้มดเองก็มีส่วนประสานนำพาขบวน สมัชชาคนจนมาร่วมงานกับขบวนการกรรมกรในหลายการเคลื่อนไหว จึงเป็นภาพตัวแทน ของพลังสามประสานรูปแบบหนึ่งและเป็นที่รู้จักของผู้นำแรงงาน

                     พิพิธภัณฑ์แรงงานไทยมีการจัดงานรำลึกถึงผู้นำกรรมกรที่เสียชีวิตแล้วตั้งแต่อดีต ถึงปัจจุบันต่อเนื่องมาโดยตลอด    โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีนี้ เมื่อวันที่ ๒๑ ตค.๕๕ มีแนวคิด ขยายวงถึงนักสู้เพื่อกรรมกรที่มาจากกลุ่มปัญญาชนให้กว้างขวางยิ่งขึ้น เพราะการต่อสู้ของ ขบวนการกรรมกรไม่อาจแยกจากกันกับขบวนการต่อสู้ทางการเมืองของสังคมไทย โดยเฉพาะขบวนปัญญาชน รวมทั้งการต่อสู้ของชาวนาในงานรำลึกจึงมีเรื่องราวของปัญญาชนรุ่นเก่าๆ      มาจนถึงจิตร ภูมิศักดิ์   พี่ทองใบ ทองเปาด์   อ.ธีรนาถ กาญจนอักษร  และ”มด ..วนิดา” ฯลฯ  รวมทั้งนิยม ขันโท ผู้นำฮาร่า ที่ยังมีชีวิตอยู่  ก็มาร่วมกล่าวรำลึกด้วย

                      ขบวนแรงงานมีความพยายามเรียนรู้และประสานการทำงานกับนักวิชาการ สถาบัน วิชาการ  องค์กรพัฒนาเอกชน  แม้จะยังไม่สามารถก่อรูปพลังสามประสาน ชัดเจนเช่นในอดีต  แต่ก็เริ่มต้นมาพอสมควร  โดยเฉพาะการยอมรับแนวคิดสามประสาน การทำงานกับชุมชน ที่ปกป้องสิ่งแวดล้อม  การร่วมมือกับกลุ่มเกษตรพันธสัญญาและแรงงานนอกระบบในชนบท  มีการประสานร่วมมือกับเยาวชนนักศึกษา  รวมทั้งผู้ที่จบแล้วเข้ามาร่วมทำงานกับขบวนแรงงานมากขึ้น  เช่น  มีอาสาสมัครนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน  ไปร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับองค์กร แรงงานหลายรุ่น  และพัฒนาต่อมาเป็นทนายความแรงงานรุ่นใหม่  หรือตอนน้ำท่วมวิกฤติหนักปี ๒๕๕๔   มีทีมเยาวชนนักศึกษามาร่วมกับคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยตั้งค่ายช่วยเหลือแรงงานทั้งไทยและแรงงานข้ามชาติ  
    
                       มดเข้าธรรมศาสตร์ รุ่นปี ๒๕๑๗และเข้าร่วมกลุ่มผู้หญิงธรรมศาสตร์ ซึ่งมีแนวคิดร่วมกันว่า  ความเสมอภาคหญิงชายและทุกกลุ่มจะเกิดขึ้นไม่ได้แท้จริงและยั่งยืน ถ้าสังคมไทยไม่มีประชาธิปไตยทางการเมือง  และต้องเป็นประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ที่เคารพสิทธิชุมชน  สิทธิในการตัดสินใจและจัดการทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมของตน  และการมีประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ  ที่คนจนต้องมีที่ดินทำกิน  มีที่อยู่อาศัย  และมีเสรีภาพในการต่อสู้รวมตัว...ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางก้าวเดินของมดเอง..ของเพื่อนๆสมาชิก
กลุ่มผู้หญิง  และยังเป็นทิศทางที่ขบวนต่อสู้เพื่อความเสมอภาคก้าวเดินอยู่ถึงปัจจุบัน
                                                 
                          บทบาทในสมัชชาคนจนที่กล้าหาญ  เด็ดเดี่ยว และเสียสละของมด    เป็นที่กล่าวขวัญและโดดเด่น  เป็นที่ยอมรับของหลากหลายกลุ่ม หลายระดับ  และมีผลให้มดต้องเดินทางทั่วประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนบทเรียนและให้กำลังใจการต่อสู้ของชุมชน  ในการต่อสู้เพื่อปกป้องชุมชนของตนเองจากโครงการการพัฒนาของรัฐ  จากการใช้อำนาจรัฐไม่เป็นธรรม  ทั้งพี่น้องสลัม   พี่น้องชนเผ่า   การถูกฟ้องคดีของมด  และความเข้มแข็ง  การทำงานอย่างมีเครือข่าย ที่ไม่โดดเดี่ยว…ซึ่งช่วยให้หลายกลุ่ม หลายผู้นำการต่อสู้ มีกำลังใจก้าวเดินต่อสู้ต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ  ด้วยความกล้าหาญ เสียสละ แม้จะถูกจับกุมคุมขัง หรือหลายคนรอบข้างเสียชีวิตไปก็ตาม
                     ๖ ธค.๕๕ ครบรอบการจากไปของมด ๕ ปีแล้ว  เวลาดูผ่านเร็วมากท่ามกลางปัญหาที่ รุมเร้าคนจนยังดำรงอยู่  แต่ขบวนการต่อสู้ของเยาวชนนักศึกษา กรรมกร ชาวนา ยังคงขับเคลื่อนต่อไป  บนทิศทางพลังสามประสานที่แม้รูปแบบอาจต่างจากเดิม แต่เจตนารมณ์แและจิตวิญญาณแห่งการเชื่อมั่นในประชาชน และจิตใจต้องกล้าหาญ เสียสละ ยังคงได้รับการยึดมั่นต่อไป
                                  รำลึกถึงมด น้องรัก ..มดได้พิสูจน์เส้นทางชีวิตของเธอแล้วว่า ..”อยู่อย่างยิ่งใหญ่ ตายอย่างมีเกียรติ”นั้นเป็นเช่นใด

                                                              สุนี ไชยรส  ๑ธันวา ๒๕๕๕

คารวะสหาย..... “ตุลา ปัจฉิมเวช” : อยุ่อย่างยิ่งใหญ่ ตายอย่างมีเกียรติ


คารวะสหาย.....
 “ตุลา ปัจฉิมเวช”    :   อยุ่อย่างยิ่งใหญ่ ตายอย่างมีเกียรติ


         การที่ใครสักคนหนึ่งจะสามารถยืนหยัดการทำงานเชิงลึก การให้ความรู้ และเสริมสร้างพลังเข้มแข็งในการต่อสู้ของกรรมกร  ที่กรรมกรเรียกขานกัน ว่า”พลังการจัดตั้ง”...ไม่มีการจัดตั้ง ไม่มีชัยชนะ ”ตลอดทั้งชีวิต  อย่างเชื่อมั่น ในอุดมการณ์  มีจุดยืนเพื่อกรรมกรและประชาชน  อย่างเข้มแข็งมีพลัง ไม่เคยเหนื่อยหน่าย  สมถะ ไม่แสวงหาประโยชน์เฉพาะส่วนตน  ไม่หวั่นไหว ต่อการคุกคามและความเหน็ดเหนื่อยท้อถอยใดๆ..เป็นสิ่งที่หาได้ไม่ง่ายนัก
         คุณตุลา ปัจฉิมเวช  เป็นดั่งข้อต่อและสายพาน  เชื่อมอดีต กับปัจจุบัน เพื่อไปสู่อนาคตแห่งความเข้มแข็งของขบวนแรงงาน และความสุขของสังคม  เป็นตัวอย่างของเพื่อนพ้องน้องพี่ด้วยชีวิตการต่อสู้ที่เป็นจริง
            ขอเล่าถึงบางมุมของคุณตุลาด้วยความอาลัยรัก...         

             คุณตุลา ปัจฉิมเวช ภูมิใจมากและเก็บสมุดบันทึกเก่าๆ มีลายมือเต็มเล่ม ของพี่บัณฑิตย์ จันทร์งาม (สหายบรรลุ)ที่บันทึกไว้ในเขตป่าเขา โดยพี่บัณฑิตย์ เขียนเก็บข้อความดีๆ ของนักเขียนต่างๆ  เพลงปฏิวัติ...  พี่บัณฑิตย์เป็นผู้นำ สหภาพแรงงานอ้อมน้อย รุ่นหลัง ๑๔ ตุลา ๑๖  คนหนึ่งที่มีบทบาทโดดเด่น  ซึ่งคุณตุลามีความศรัทธาและได้มีโอกาสทำงานด้วย  แต่เมื่อสหภาพฯอ้อมน้อย ถูกปราบปราม จับกุมพร้อมกับขบวนแรงงานและภาคประชาชน ในกรณี เหตุการณ์ ๖ ตุลา ๑๙  จนพี่บัณฑิตย์ กรรมกรและนักเรียนนักศึกษาประชาชน เข้าร่วมการต่อสู้ในเขตป่าเขาจำนวนมาก  

  ข้อเขียนจากบันทึกพี่บัณฑิตย์  จันทร์งาม
เรื่อง”ความใฝ่ฝันและอุดมการ”  น่าจะเป็น การสะท้อนอุดมการณ์ จุดยืน และตัวตน  “ชีวิตนี้เพื่อแรงงาน”ของคุณตุลา ปัจฉิมเวช  ได้บางส่วน...

“ความใฝ่ฝันและอุดมการณ์”
                “...หนุ่มสาว  อีกสิบปีไล่หลัง  หากมีเด็กตัวเล็กๆมาเกาะเข่าถามว่า  พ่อกับแม่เคยทำอะไรบ้างจ๊ะ 
                  เธอต้องบอกอย่างภาคภูมิใจว่า  ช่วงชีวิตของเธอนั้น  เป็นช่วงชีวิตแห่งการรับใช้ประชาชน  อุทิศเพื่อสร้างสรรค์ประเทศไทยใหม่ที่ปราศจากการเอารัดเอาเปรียบ  มีแต่ความเสมอภาค สงบสุข และยุติธรรม  แผ่ทาบไปทุกหนทุกแห่ง  นี่นั่น ที่นี่ ตรงนี้  จากโรงงาน จากเมืองสู่ป่า
               นี่คือภารกิจทางประวัติศาสตร์อันมีเกียรติในช่วงทศวรรษนี้มิใช่หรือ?...”


               เมื่อพี่บัณฑิตย์ กลับมาที่อ้อมน้อย  คุณตุลาได้พยายามเป็นข้อต่อ สายพาน เชื่อมประสานการเรียนรู้บทเรียนการต่อสู้จากอดีต  เพื่อรับใช้ปัจจุบันและอนาคต  จัดกลุ่มศึกษาจรยุทธ์เล็กๆ ให้พี่น้องคนงาน  อย่างเรียบง่าย  แต่มุ่งมั่น และปลูกฝังอุดมการณ์การต่อสู้ที่เข้มข้น ในจิตวิญญาณของชนชั้นกรรมกร ท่ามกลางการให้คำปรึกษา และการเรียนรู้ท่ามกลางการต่อสู้
               การได้ร่วมทำงานกับคุณตุลายาวนานอย่างจริงจังต่อเนื่องตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ ถึง ๒๕๕๒ ในฐานะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชุดแรก  ฉันเชิญคุณตุลา มาร่วมเป็นคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงาน  ได้เรียนรู้มากมายจากคุณตุลา ทั้งจุดยืน ความมุ่งมั่นและความตั้งใจจริง รับผิดชอบ และประเด็นกฎหมาย ข้อเท็จจริงที่แม่นยำ ถี่ถ้วน  ทำให้คณะอนุกรรมการสิทธิแรงงาน  ได้ช่วยให้แรงงานเข้าถึงสิทธิจำนวนไม่น้อย


 เมื่อพ้นวาระ กสม.คุณตุลาและฉันได้มาร่วมงานกันเข้มข้นอีกครั้งใน”ศูนย์ช่วยเหลือและจัดการวิกฤติแรงงาน” พร้อมอดีตอนุกรรมการสิทธิแรงงานอีกหลายคน ในช่วงปี ๒๕๕๓ และ๒๕๕๔
                ระหว่างนี้  ฉันได้เข้าไปช่วยคุณตุลา ในฐานะบรรณาธิการร่วม หนังสือ”สืบสานเจตนารณ์ และ บทเรียน การต่อสู้ของกรรมกรอ้อมน้อยอ้อมใหญ่  ศึกษาอดีต  รับใช้ปัจจุบันและอนาคต” ของกลุ่มสหภาพแรงงานอ้อมน้อยอ้อมใหญ่ ที่คนงานช่วยกันเขียนและจัดพิมพ์เมื่อมกราคม ๒๕๕๕  ..ช่วงนี้ก็ได้เข้าใจลึกซึ้งขึ้นอีกถึงอุดมการณ์ และความมุ่งมั่นของคุณตุลา

              ฉันขอชื่นชมและอาลัยรักต่อคุณตุลา  ปัจฉิมเวช  ...สหายแห่งอุดมการณ์การต่อสู้ของชนชั้นกรรมกรและประชาชน 

        “             อยู่อย่างยิ่งใหญ่  ตายอย่างมีเกียรติ
       ...หลับเถิดสหาย  เย็นสายลมโชยมา
หลับไปไม่ฝัน ไร้ซึ่งวันเวลา
ร่างกายสูญสลายตายเพื่อมวลประชา
แกร่งยิ่งกว่าภูผา จารึกในใจชน”
                                                                                                   สุนี ไชยรส
๗กันยายน ๒๕๕๕