หลัง ๑๔ ตุลา : ขบวนผู้หญิงยิ่งก้าวรุดหน้า
ผ่าน 14 ตุลา การเคลื่อนไหวของผู้หญิงในมหาวิทยาลัยคึกคักมากขึ้น จัดอภิปราย นิทรรศการ ทำหนังสือ การแสดงต่างๆ ซึ่งได้รับความสนใจมาก นอกจากชูธงประชาธิปไตยแล้ว เริ่มชูธงการต่อสู้ทางชนชั้นเชื่อมโยงกับการต่อสู้ทางเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรณรงค์ทัศนะจิตสำนึกที่ครอบงำและกดขี่ผู้หญิง และเริ่มมีแนวคิดเป็นหนึ่งเดียวกับผู้หญิงทั้งโลกมากขึ้น
เท่าที่ฉันค้นพบข้อมูล เริ่มจากหนังสือขบวนการดอกไม้บาน ใน ธันวาคม 2516 โดยชุมนุมนิสิตหญิงคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ มีบทกวี ‘อหังการของดอกไม้’ ของจิระนันท์ฯ[1]
มกราคม 2517 พวกเรากลุ่มผู้หญิงธรรมศาสตร์จัดพิมพ์หนังสือ ทางเลือก [2] ในบทนำตั้งคำถามว่า ..‘จากประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน สภาพของสตรีถูกเอารัดเอาเปรียบไว้สองชั้น คือถูกเอารัดเอาเปรียบทางชนชั้นต่อหนึ่ง และถูกเอารัดเอาเปรียบทางเพศอีกต่อหนึ่ง ....เธอจะเลือกเดินเฉพาะการปลดแอกเพื่อส่วนตัว หรือเพื่อสตรีทั้งหมด และเธอจะเลือกเดินเฉพาะการปลดแอกของสตรีทั้งหมด หรือเพื่อชีวิตทุกชีวิตที่ถูกเอารัดเอาเปรียบในสังคม’ (น .4-5)
พวกเราจัดนิทรรศการและทำหนังสือ ‘8มีนา วันสตรีสากล 2517’ โดยกลุ่มผู้หญิงธรรมศาสตร์ กลุ่มผู้หญิงรามคำแหง กลุ่มผู้หญิงจุฬาฯ เป็นการเคลื่อนไหวที่มีพลัง บ่งบอกถึงทิศทาง และการต่อสู้ที่จะร่วมมือกันก้าวต่อไปของกลุ่มผู้หญิงมหาวิทยาลัยต่างๆ [3] พอถึงวันสตรีสากล 2518 กลุ่มสตรีรามคำแหง ก็จัดงานนิทรรศการและการอภิปรายสองวัน
กลุ่มผู้หญิงมหาวิทยาลัยต่างๆเริ่มก่อรูปชัดเจนยิ่งขึ้น มีการก่อตั้งกลุ่มผู้หญิงสิบสถาบันและเคลื่อนไหวระดับเอเชีย ในปี 2517 ความสนใจแนวคิดการต่อสู้ของผู้หญิงถือว่าอยู่ในกระแสสูง ขบวนการดอกไม้บานและทางเลือกต่างมียอดพิมพ์ถึง 5,000 เล่ม ‘โลกที่สี่’ ของจิระนันท์ พิตรปรีชา และ ‘ปัญหาและแนวทางการต่อสู้ของผู้หญิง’ โดย ฤดี เริงชัย ปี 2518 ก็ได้รับความสนใจจนต้องพิมพ์ครั้งที่สองทั้งสองเล่ม นสพ.รายวันมีคอลัมน์สตรีเสนอทรรศนะก้าวหน้าในเชิงวัฒนธรรมใหม่เพิ่มขึ้น นอกจากกระแสชลในเสียงใหม่ ฤดี เริงชัย ในอธิปัตย์ ก็มี’รุ้ง’ แสงประทุม ในนสพ.ศานต์สยาม ปี 2518 ฯลฯ
และในการจัดงาน 8มีนาคม 2519 กลุ่มผู้หญิงสิบสถาบันเป็นแกนหลักรวมพลังกันจัดนิทรรศการ และทำหนังสือ ‘ ฐานะและบทบาทสตรีสากล ‘ ปีนั้นทัพหน้าราม ก็จัดพิมพ์ ‘เคียงข้างกันสร้างสรรค์โลก’ โดยแสงเสรี เข้าร่วมกระแสวันสตรีสากลด้วย [4]
การรณรงค์ทัศนะต่อปัญหาโสเภณี
ใน ทางเลือก(กลุ่มผู้หญิงมธ.)สัมภาษณ์ สุชาติ สวัสดิ์ศรี คุณหญิงสุภาพ วิเศษสุรการ ซึ่งเดิมมีการศึกษากันในกลุ่มผู้หญิง ถือเป็นการรณรงค์ทางแนวคิดค่านิยมครั้งสำคัญเรื่องหนึ่ง เพราะช่วงนั้นกำลังมีการเรียกร้องให้จดทะเบียนโสเภณีให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นประเด็นที่ยังถกเถียงกันไม่รู้จบจนถึงปัจจุบันนี้ โดยกลุ่มผู้หญิงร่วมแสดงทัศนะของกลุ่มอย่างชัดเจนด้วย
กลุ่มผู้หญิงจุฬาฯ -มักจะมีคนพูดว่า โสเภณีเป็นของคู่โลก เป็นธรรมชาติซึ่งทำลายไม่ได้ เปลี่ยนแปลงไม่ได้ มีมาแล้วตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ และจะต้องมีอยู่ตลอดไป แต่ความจริงหาใช่เช่นนั้นไม่ ที่โสเภณีเกิดขึ้นได้ เนื่องจากการกดขี่ของสังคม ซึ่งนอกจากจะเป็นการกดขี่ทางชนชั้นแล้ว ยังมีการกดขี่ทางเพศด้วย ...โสเภณีไม่ใช่ของคู่โลก ปัญหานี้แก้ไขได้จากต้นเหตุ นั่นคือแก้ไขปัญหาสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาทางการเมือง หญิงโสเภณีไม่ใช่หญิงใจชั่ว พวกเธอเป็นคนและมีศักดิ์ศรี มีบ่อยๆที่พวกเธอจะทิ้งอาชีพนี้เสีย แต่สังคมไม่ยอมรับ และไม่เปิดโอกาสให้... มันเป็นความผิดของเธอหรือ? ...( น.81)
กลุ่มผู้หญิงธรรมศาสตร์ - เมื่อกล่าวถึงโสเภณี เราไม่สามารถทราบได้ว่าได้ถือกำเนิดมาตั้งแต่เมื่อใด แต่ทราบว่าเป็นผลิตผลมาจากสังคมทาส ทาสผู้หญิงนอกจากจะถูกใช้เป็นทาสแรงงานแล้ว ยังต้องรับใช้เจ้านายในการปลดเปลื้องอารมณ์ใคร่ของเจ้านายอีกด้วย ลักษณะทาสนี้ได้ถ่ายทอดมาสู่ยุคศักดินา... เราสามารถสังเกตุได้จากการที่เจ้านายคนหนึ่งๆนอกจากจะมีเมียออกหน้าออกตาคนหนึ่งแล้ว ยังสามารถมีนางห้ามได้อีกคนละหลายๆนางและมีกันได้อย่างเปิดเผย ...ได้ถ่ายทอดมาสู่ยุคทุนนิยมในปัจจุบัน มาเป็นโสเภณีที่สังคมดูถูกเหยียดหยามและดำเนินอาชีพโสเภณีอย่างซ่อนเร้นและปิดบัง...
..สังคมให้ค่านิยมทางเพศแก่ผู้หญิงว่า การสำส่อนเป็นสิ่งไม่ดี ไม่ควรกระทำ ... จึงทำให้เราเชื่อแน่ได้ว่าไม่มีหญิงคนใดหรอกที่จะเป็นโสเภณีโดยกมลสันดาน แต่ที่จำเป็นจะต้องทำอาชีพนี้ ก็เพราะสังคมเป็นผู้กำหนดต่างหาก ...เมื่อเป็นเช่นนี้อาชีพโสเภณีจึงถูกสร้างขึ้นมาโดยพวกนายทุนหน้าเลือด เพื่อเป็นทางหนึ่งที่ผู้ชายจะเอาเปรียบผู้หญิงทางด้านเพศ
...เมื่อโสเภณีไม่ใช่สิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ฉะนั้นก็ควรจะแก้ให้หมดไปได้ การแก้นั้นก็ต้องแก้กันที่ต้นเหตุจริงๆคือแก้ที่ระบบสังคม และขณะเดียวกันก็ควรให้กำลังใจแก่โสเภณีว่า สิ่งที่ทำไปในอดีตนั้นไม่ควรถือเป็นปมด้อยของชีวิตอีก เพราะนั่นแหละเป็นผลิตผลของสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกต้องของสังคมต่างหาก พร้อมกันนั้นก็ควรให้ค่านิยมใหม่ว่าผู้หญิงมิได้เกิดมาเพื่อสำหรับปลดเปลื้องกามารมณ์ของผู้ชาย หรือเป็นเครื่องประดับบารมีของสามี แต่ผู้หญิงเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ ที่จะมีส่วนเพิ่มผลผลิตและสามารถช่วยกำหนดสังคมได้.. [5].(น 82-83)
วันสตรีสากล : ผู้หญิงทั่วโลกจงรวมกันเข้า
ขบวนผู้หญิงไทยเริ่มมีแนวคิดเป็นหนึ่งเดียวกับผู้หญิงทั่วโลกมากขึ้น และชัดเจนในงานวันสตรีสากล 2517 ที่ชูคำขวัญ ‘ ผู้หญิงทั้งโลก จงสามัคคีกัน ผลักดันกงล้อประวัติศาสตร์ให้ก้าวรุดไปข้างหน้า’ ซึ่งเชื่อมร้อยกับอุดมการณ์สิทธิมนุษยชน อันมีแนวคิดจากปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ต่อมามีการรณรงค์ของขบวนผู้หญิงจากตะวันตกแบบเสรีนิยมและจากฝ่ายสตรีสังคมนิยม จนเป็นที่ยอมรับแนวคิดร่วมกันว่า ‘ สิทธิผู้หญิงคือสิทธิมนุษยชน
กลุ่มผู้หญิงเน้นว่า วันสตรีสากลมีรากฐานจากการต่อสู้ของกรรมกรหญิง ที่ต่อสู้เมื่อ 8มีนาคม 2452(ค.ศ.1909) โดยกรรมกรหญิงโรงงานทอผ้าเมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกาประท้วงสำแดงกำลัง คลารา เซทคลิน นักสู้หญิงชาวเยอรมันเป็นผู้นำ เรียกร้องสิทธิการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของผู้หญิงและให้ลดเวลาทำงานเหลือ 8 ชั่วโมง ต่อมามีการผลักดันจากองค์กรสตรีฝ่ายสังคมนิยมจนเป็นที่ยอมรับทั่วโลกว่า 8 มีนา เป็นวันสตรีสากล [6]
เรื่องราวของคลารา เซทคลิน[7] นักปฏิวัติสตรีเป็นที่ประทับใจของขบวนผู้หญิง (เคยตีพิมพ์ในปิตุภูมิรายสัปดาห์ ฉบับที่47 วันที่ 4 มีค.2500 และนำมาตีพิมพ์ใหม่ในเล่มนี้) ซึ่งแม้จะมีชีวิตครอบครัวยากเข็ญ สามีป่วยตาย มีลูกสองคน เธอถูกรัฐบาลเยอรมันจับเข้าคุกวัยชรา60 ปีเมื่อออกจากคุกก็ยังเป็นบรรณาธิการ นสพ.ของพรรคสังคมประชาธิปไตยเยอรมันอีก 13 ปี เธอต่อสู้เพื่อกรรมกรและสังคมนิยมจนวาระสุดท้ายของชีวิตเมื่อปี 2476(ค.ศ.1933 ) และเธอกล่าวปราศรัยในการประชุมสากลที่2 สมัยที่ 1 ปี 2432 (ค.ศ.1889) ในนามผู้แทนกรรมกรสตรีเยอรมันว่า... “ สตรีจะได้รับการปลดแอก หรือจะดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องเป็นกาฝากที่เกาะพึ่งผู้อื่น ก็จำเป็นต้องเข้าร่วมการทำงานสังคมอย่างจริงจัง... ต้องร่วมกันทั้งหญิงชายคัดค้านระบบขูดรีดของลัทธิทุนนิยมอย่างเด็ดเดี่ยว”
ในที่สุดเดือนธันวาคม2513 ที่ประชุมใหญ่แห่งสมัชชาสหประชาชาติ จึงมีมติ1716 กำหนดให้ปี 2518(ค.ศ.1975) เป็นปีสตรีสากล เพื่อมุ่งเน้นให้ส่งเสริมการกระทำดังนี้
1) เสริมความเสมอภาคระหว่างชายกับหญิง
2) ประกันสิทธิการรวมตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของสตรีในการพัฒนาทุกด้าน
3) ยอมรับความสำคัญของการขยายบทบาทสตรี ในการพัฒนาความสัมพันธ์ฉันท์มิตร และการเข้าร่วมมือกันระหว่างรัฐ รวมทั้งการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสันติภาพของโลก ทั้งนี้ เรียกร้องให้บรรดารัฐสมาชิกให้เข้าร่วมประกันสิทธิสตรี และผลแห่งความก้าวหน้าอันจะเกิดขึ้นจากคำประกาศว่าด้วยการกำจัดข้อแตกต่างที่กระทำต่อสตรี
การจัดงาน 8มีนา จึงมีทั้งการต่อสู้ให้ยอมรับบทบาทผู้หญิงและการผลักดันให้ต้องแก้ไขการกดขี่ต่อผู้หญิงซึ่งมีลักษณะร่วมกันทั่วโลก ขณะเดียวกันก็เชื่อมโยงกับผู้หญิงชนชั้นกรรมกรและการกดขี่เหยียดผิว โดยเฉพาะต่อผู้หญิงผิวดำ เช่น เรื่องราวของแองเจล่า เดวิส และยังเกี่ยวโยงเชื่อมร้อยกับแนวคิดสังคมนิยม จากการชูบทบาทผู้หญิงจีนและผู้หญิงเวียดนาม
ขยายฐานมวลชน
กลุ่มผู้หญิงธรรมศาสตร์และทุกสถาบันเริ่มมีงานกรรมกรและชาวนา ควบคู่กับการรณรงค์ด้านประชาธิปไตย ซึ่งหลัง 14 ตุลานอกจากทำงานร่วมกับกลุ่มอิสระ บางส่วนได้จัดกำลังไปทำงานในฝ่ายบริหารอ.ม.ธ.และสภานักศึกษา ต่อมามีการจัดเสริมกิจกรรมแบบกลางๆ เพื่อช่วงชิงคนรุ่นใหม่ทั้งหญิงชายที่ยังไม่สนใจการเคลื่อนไหวทางการเมือง เช่น พาไปทัศนศึกษาคุกหญิง ไปสอนหนังสือโสเภณีที่ปากเกร็ด จัดขบวนพาเหรดเรื่องผู้หญิงในงานฟุตบอลประเพณี และเป็นกำลังสำคัญในการติดโปสเตอร์ทั่วเมืองด้วย
ไพรินทร์ พลายแก้ว เล่าว่า พูดคุยกันว่าทำไมมีคนมาร่วมกลุ่มน้อย เลยคิดกิจกรรมใหม่ๆขึ้นเพราะบางคนไม่สนใจเรื่องทางการเมือง เช่น พาเข้าไปในคุกหญิงไปถามบางคนว่าทำไมฆ่าสามี แล้วกลับมาพูดคุยกันต่อ น้องๆรุ่นใหม่ทั้งหญิงชายจะสนใจ อ.ม.ธ.ให้เราจัดขบวนในงานฟุตบอลประเพณีด้วย เราเลยจัดพาเหรดเรื่องโสเภณี เมียเช่า ติดประกาศรับสมัครใต้ตึกเอทีที่กลุ่มฯอยู่ กระเทยมาสมัคร ต้องการแสดงออก สนุกกันมาก
น้องๆที่มาทบทวนความหลังหลายคนที่เป็นกำลังหลักไปติดโปสเตอร์ ย้อนรำลึกบรรยากาศช่วงนั้นว่า... "ตอนเริ่มกระแสขวาๆออกมาก่อกวน เราต้องมีการวางแผนรัดกุม เดิมใช้เขียนด้วยมือ ต่อมาต้องผลิตจำนวนมาก โดยทั่วไปจะรวมศูนย์กันที่มหิดล มีการสอนวิธีติดให้แน่นฉีกไม่ได้ เริ่มจากการกวนกาว ไปติดหัวค่ำไม่ได้ต้องไปติดก่อนสว่าง กำหนดกันว่าจะไปติดอะไรที่ไหน แบ่งสายคละทั้งชายหญิง เอารถสองแถวใหญ่ๆมารับไปปล่อยไว้จุดละ6-7 คน มีรถที่เป็นหลักของสิ่ว (สุจินดา ตั้งสัจจพจน์) เจ(วิไลวรรณ เชื้อชาญวงศ์) และภูมิสัน โรจน์เลิศจรรยา ต่อมาสิ่วที่ขับรถไม่เป็นก็หัดขับจนพาพวกเราไปได้บางทีอยู่กันดึกมากก็ต้องปีนออกประตูท่าพระจันทร์ไปหาของกินหรือปีนออกประตูหอใหญ่....
ฉัน เพื่อนพ้องน้องพี่ จากกลุ่มผู้หญิงธรรมศาสตร์ และนักต่อสู้หญิงรุ่น 14 ตุลา ที่กระจัดกระจายในหลายสถาบัน หลายบทบาท เริ่มทยอยจบจากมหาวิทยาลัยโดยมีเส้นทางชีวิตต่างกันไป แต่มีจุดร่วมกันในการก้าวเดินหนักแน่นขึ้นบนเส้นทางการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อรับใช้ประชาชน และเพื่อความเสมอภาคหญิงชาย...
บนเส้นทางที่ยาวนานนี้ ไม่มีใครบอกได้ว่า จะสิ้นสุดตรงไหน เมื่อไร... [2] กองบรรณกรมีสลิลยา มีโภคี นันทิยา กังสดาลอำพน วิลา วิทย์ประเสริฐกุล ประกายรัตน์ สุวรรณโพธิพระและ ศจี สิงหะวัฒนะ ... มีการวิเคราะห์กฎหมายที่ยังกดขี่หญิงไทย และเรียกร้องให้ขจัดระบบทุนนิยม เข้าร่วมการปฏิวัติ อาทิ สุวัฒนา เปี่ยมชัยศรี- การปลดแอกสตรี สำเริง คำพะอุ- ผู้หญิงจะเข้าร่วมในการปฏิวัติอย่างไร? วรรณา แสงสุรีย์ - ค่านิยมที่ระบบทุนนิยมมอบให้แก่สตรี ส่วนนิรมล พฤฒาธร ที่เขียนจดหมายถึงพ่อแม่ ‘ทางที่ลูกเ ลือก’ก็ได้สะท้อนความคาดหวังของพ่อแม่ต่อลูกสาว ซึ่งต่างจากลูกชาย... และขอมีทางเลือกที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง
วัตถุประสงค์ของกลุ่มผู้หญิงธรรมศาสตร์ ที่เสนอไว้ในหนังสือทางเลือก คือ :
1) เพื่อส่งเสริมนักศึกษาหญิงใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
2) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้นักศึกษาหญิงเข้าไปศึกษา และมีบทบาทในการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง
3) เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาหญิงเปลี่ยนค่านิยมทางสังคมที่ไม่ถูกต้อง
4) ค้ำประกันและต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของผู้หญิงในสังคม
งานที่ทำคือ สอนหนังสือบ้านปากเกร็ด ทำหนังสือบอร์ด จัดอภิปราย สนทนา ปาฐกถา และจัดศึกษาทางวิชาการ รวมทั้งโครงการเฉพาะหน้า เช่น รับบริจาคเสื้อผ้าให้สลัม
เธอ
...นารีมีความสวยสามประการ
สวยน้ำคำพร่ำกล่าวขาน หวาน หวานกับทุกคน
สวยน้ำใจใสเย็นเช่นหยาดฝน
สวยน้ำมือคือน้ำมนต์ รู้จักปรนนิบัติทั่วไป...
หยุด ! การมอมเมาเสียที
เธออ่อนโยนได้ แต่ไม่จำเป็นต้องพูดคำหวาน หน้าปก ๘ มีนา วันสตรีสากล
เธอต้องพูดถึงสิ่งที่ถูกต้อง ยืนยันในสิ่งที่เป็นธรรม
เธอให้ความรักและน้ำใจต่อประชาชน...เท่านั้น
ไม่รวมถึงชนชั้นปกครองและผู้กดขี่
เธอมีสองแขนเพื่อสร้างสรรค์โลก
เพื่อร่วมผลักดันกงล้อประวัติศาสตร์
มิใช่เพื่อปรนนิบัติผู้ใดผู้หนึ่ง เพราะ... เธอคือคน
เนื้อหาสะท้อนถึงพัฒนาการที่ต่อเนื่องจากก่อน 14 ตุลา ที่เน้นว่าผู้หญิงต้องลุกขึ้นมีจิตสำนึกที่จะปลดปล่อยตัวเองจากความคิดแบบเก่าที่รัดรึงผู้หญิงให้ยอมจำนน มาแสดงพลังต่อสู้ด้วยตัวเอง นริศรา ปีติสนิท เสนอ ‘นางในวรรณคดี ประชาชนชั้นที่ 2’ ตอกย้ำบทบาทที่ว่าสตรีเป็นเพียงเครื่องบรรณาการ เป็นข้าทาสบริวารที่รับใช้สามีอย่างซื่อสัตย์ เป็นวัตถุตอบสนองทางกามารมณ์ เป็นเฟอร์นิเจอร์สำหรับผู้ชายอวดกัน ในระบบครอบครัวที่พ่อเป็นใหญ่ยังสร้างภาพผู้หญิงว่ามีธรรมชาติที่ชอบหลอกลวง คดโกง และชอบก่อความแตกร้าวในครอบครัว
‘หญิงชายกับการทำงาน’ แปลจาก ศ.จ.เอ็ม เจ คาร์โวเนน ใช้ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์มาโต้แย้งแนวคิดที่ปลูกฝังกันมายาวนานว่า ลักษณะแต่ละเพศถูกกำหนดจากธรรมชาติ ทั้งที่จริงมาจากการถูกกำหนดด้วยขนบธรรมเนียมประเพณี และยังขึ้นอยู่กับการฝึกฝนของแต่ละคน โดยสรุปว่า... ‘การตั้งครรภ์ของผู้หญิงจึงไม่ใช่เป็นข้ออ้างในการลดความเป็นมนุษย์ของเธอลงไป หากแต่กลับต้องเป็นการเชิดชูฐานะของการเป็นมนุษย์ยิ่งขึ้น.’ โดยสังคมต้องสนับสนุนให้มีศูนย์เลี้ยงเด็ก บริการอาหาร กลางวันในโรงเรียนและเครื่องทุ่นแรงในครัว เพื่อช่วยให้ผู้หญิงสามารถมีบทบาทในงานนอกบ้านได้ดียิ่งขึ้น
[4]ใน ‘ฐานะและบทบาทของสตรีสากล’ เช่น ฐานะและบทบาทของสตรีสากล ฐานะและบทบาทของสตรีในประวัติศาสตร์ ประวัติการต่อสู้ของสตรีในประเทศต่างๆ โรซ่า ลุกเซมเบิร์ก คลารา เซทคลิน แองเจล่า เดวิส จูเลียต ชิน สำราญ คำกลั่น และการปลดแอกของสตรีจีน ส่วน’เคียงข้างกันสร้างสรรค์โลก’ อาทิ ลักษณะการถูกขูดรีดทางเพศของสตรีโสเภณีผูกขาด ผู้หญิงโลกที่3 จงสามัคคีกัน เสรีภาพของผู้หญิงนั้นอยู่ที่ไหน? โรคประจำตัว 2อย่างของผู้หญิง ผู้หญิงกับการเมือง รักเสรี ผู้หญิง: พลังที่แฝงเร้น ผู้หญิง :นายทุนน้อย และสตรียุคใหม่
[5]เมื่อนึกย้อนว่าผ่านมาแล้วถึง30 ปี จึงน่าสนใจที่จะดึงบางประเด็นมาบันทึกเพื่อร่วมการถกเถียงแห่งยุคสมัย
สุชาติ สวัสดิ์ศรี - เมื่อพูดถึงโสเภณีมักจะมองตรงปลายเหตุ เรามักจะมองในแง่ที่ว่าเป็นปัญหาทางศีลธรรม ในแง่ที่ว่าถ้ามีโสเภณีจะทำให้สังคมเสื่อม แต่คุณไม่ได้พิจารณาถึงต้นเหตุว่า สาเหตุของการมีโสเภณีนั้นมักเกิดจากระบบสังคมอย่างไร... ถ้าคนมีความพอใจมีโอกาสในชีวิตของเขามากขึ้น อาชีพนี้จะเป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับผู้หญิงที่จะมีอาชีพอย่างนี้... เราก็ต้องมองความเป็นจริงของมัน ควรมีถูกต้องตามกฎหมาย... ทางที่ดีเราอย่าไปปิดบังมันเสีย แต่ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่น่าสนับสนุนอย่างใด แต่น่าค่อยๆทำให้ลดน้อยลงไป.. (น.78)
คุณหญิงสุภาพ วิเศษสุรการ – สิ่งใดไม่ดีไม่งามจะให้สังคมยอมรับได้อย่างไร จะบอกให้ยอมรับโสเภณีก็ยาก นอกจากเมื่อไรเราถือว่าการเป็นโสเภณีดีเหลือเกิน มาเป็นโสเภณีกันหมด..(และตอบคำถามที่ว่า ควรออกกฎหมายให้มีโสเภณีถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่) .พูดมานาน ทัศนะบางคนว่ามีโสเภณีจะได้เป็นสัดส่วนลงทะเบียนเสีย บางคนว่าทำไม่ได้ ว่าขณะนี้คนไม่ได้เป็นโสเภณีด้วยความสมัครใจ ถูกล่อลวงมาถูกบังคับพอเป็นโสเภณีแล้วเขาช่วยตัวเองไม่ได้ ถูกบังคับให้คิดว่า เป็นโสเภณี แล้วเขาไม่มีโอกาสกลับตัว อีกทัศนะหนึ่งเรามีข้อตกลงกับสหประชาชาติว่า ไม่ให้มีโสเภณี ...การมีโสเภณีคิดว่าเป็นธรรมชาติมีมานานแล้ว อาจมีมากน้อย มีแบบไหน ปิดบังหรือเปิดเผย... (น.80)
[6] 8 มีนาคม 2453 ผู้แทนหญิงจาก 18 ประเทศร่วมประชุมสมัชชาสตรีสังคมนิยมสมัยที่สองที่โคเปนเฮเกน เดนมาร์ค ผ่านมติให้เคลื่อนไหวเรียกร้อง:
-ระบบสามแปด คือทำงาน ๘ (ชั่วโมง) ศึกษา ๘ พักผ่อน ๘
-ค่าจ้างหญิงชายเท่ากันในงานประเภทเดียวกัน คุ้มครองสวัสดิภาพแรงงานหญิงและเด็ก
-เสนอปัญหาให้มีสันติภาพโลก และรับรองข้อเสนอของคลารา เซทคลิน ให้วันที่ 8มีนาคม เป็นวันสตรีสากล
8 มีนาคม 2454 กรรมกรหญิงหลายประเทศ - เยอรมัน ออสเตรีย สวีเดน เดนมาร์ค สหรัฐอเมริกา เดินขบวน และ 8 มีนาคม 2460 กรรมกรหญิงรัสเซียเดินขบวนคัดค้านพระเจ้าซาร์ เรียกร้องขนมปัง และสันติภาพ
ตัวอย่างรูปธรรมของการเปลี่ยนแปลงบทบาทผู้หญิง จะเน้นประเทศที่ประกาศเป็นสังคมนิยมขณะนั้น เช่น จีน เวียดนามเหนือ มีบทสัมภาษณ์ ดร.ฮัน ซู หยิน นักวิทยาศาสตร์และนักประพันธ์ของจีน ที่ตอนแรกพ่อแม่ไม่ยอมให้เรียนในฐานะ ผู้หญิง แต่เธอหางานทำและเรียนไปด้วย เธออ้างถึงคำพูดของเหมาเจ๋อตง หลังการปฏิวัติปี 2498 ในการประชุมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ว่า... “ คุณคิดว่าคุณปฏิวัติสำเร็จแล้ว แต่ยังมีสถานที่หนึ่งซึ่งคุณยังทำไม่สำเร็จ นั่นก็คือในบ้านของคุณเอง : วิธีการที่คุณปฏิบัติต่อภรรยาและลูกสาว บุรุษจะไม่ได้รับการปลดปล่อย ตราบเท่าที่สตรียังไม่ได้ปลดแอก...’
สุวรรณา จงสถิตย์วัฒนาจากกลุ่มผู้หญิงจุฬาฯให้ภาพแองเจล่า เดวิส นักสู้หญิงผิวดำที่มีชื่อเสียงโด่งดังถึงปัจจุบัน ที่ถูกอ้างอิงถึงทั้งการต่อสู้ของผู้หญิง ชนผิวดำ และนักปฏิวัติ ( ซึ่งเคยมีการเขียนถึงมาแล้วใน ‘เล็บ’ โดยรัตนาภรณ์ มงคลสินธุ์) แองเจล่าจากเด็กหญิงขี้อาย เรียนรู้ปัญหาการกดขี่เหยียดผิว จนลุกขึ้นร่วมการต่อสู้ตั้งแต่อายุ 17 ปี และศึกษามาร์กซิสต์ เธอเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียบรรยายปรัชญา ต่อมาถูกกล่าวหาเป็นคอมมิวนิสต์ และถูกตั้งข้อหาร้ายแรงว่าอยู่เบื้องหลังกรณีนักโทษผิวดำจับผู้พิพากษาเป็นตัวประกัน แต่ก็มีการเคลื่อนไหวคัดค้านของสังคม จนทำให้ไม่สามารถปลดเธอออกจากมหาวิทยาลัยได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น