วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

ฉันใช้สิทธิประชาธิปไตยแล้ว.. ไม่ไปเลือกตั้งเมื่อ ๒๖ มค​๕๗


             ฉันตัดสินใจไม่ใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้ และปฏิบัติการไปเรียบร้อยแล้ว.เมื่อ ๒๖ มกราคม ๕๗   พร้อมรับการเสียสิทธิตามกฎหมายโดยไม่แจ้งเหตุ..เพราะฉันแจ้งจดทะเบียนเลือกตั้งนอกเขตจังหวัด ซึ่งต้องไปใช้สิทธิเมื่อ ๒๖ มกราคม  ... สิทธิไปหรือไม่ไปเลือกตั้งเป็นสิทธิส่วนตัวของฉัน  เป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย






          เหตุผลสำคัญคือมองไม่เห็นความหวังในอนาคตที่ดีของสังคมและประชาชนจากการเลือกตั้งครั้งนี้   มองไม่เห็นว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงจากปัญหาที่กระหน่ำทับปชช.และสังคมอย่างหนักหน่วงจากนโยบาย จากโครงสร้างของปัญหาความเหลื่อมล้ำ  ปัญหาจากกฎหมาย   ปัญหาจากการเข้าใจผิดว่า เมื่อรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง   มีเสียงข้างมากในสภา   ไม่ต้องฟังเสียงประชาชน

           เมื่อชัดเจนว่ารัฐบาลที่จะเกิดขึ้น  ไม่ยอมรับความผิดพลาดในนโยบายมากมายที่กระทบต่อประชาชน   ...ไม่มีการชี้แจงว่าจะมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ประชาชนคัดค้านวิพากษ์  และไม่ยอมรับทางออกที่สังคมเสนอกันกว้างขวางให้มีการตกลงกติกาเพื่อเตรียมการปฏิรูปการเมืองก่อน   โดยยอมเลื่อนการเลือกตั้งออกไป   ...โดยที่ไม่ได้ปฏิเสธการเลือกตั้ง ...เพียงแต่ผู้คนไม่เชื่อมั่นว่าเลือกตั้งไปแล้ว  จะดำเนินการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังได้    เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลไม่รับฟังความเห็นปชช.   อ้างแต่การมาจากการเลือกตั้ง อ้างแต่เสียงข้างมากในสภา...ดำเนินการตามใจชอบอย่างไม่มีใครคาดคิด....

         ... เช่น ปัญหาโครงการจัดการน้ำ ๓๕๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท  
                  โครงการกู้เงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
                  นโยบายเรื่องพลังงาน เรื่องแร่และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ  . รัฐบาลมีนโยบายเข้าข้างกลุ่มทุน  การไม่แก้ไขปัญหาที่ดิน  จนผู้คนถูกจับถูกติดคุกมากมาย  ..
                 การไม่สนใจรับฟังความเห็นปชช.และเคารพสิทธิตามรัฐธรรมนูญของการเสนอร่างกม.เข้าชื่อฉบับประชาชน    อาทิ การคว่ำร่างกม.ประกันสังคมที่เป็นกฎหมายเข้าชื่อของขบวนแรงงานและเป็นประโยชน์ต่อแรงงานหลายสิบล้านคน  ...
                 อีกทั้งร่างกฎหมายสำคัญของประชาชนถูกถ่วงเวลาหลายปี   เช่น องค์กรอิสระคุ้มครองผู้บริโภค  และร่างกม.เข้าชื่อ ๑๒ ฉบับ ที่นายกฯไม่ยอมรับรองทางการเงินค้างเติ่งมาหลายปี    เช่น กม.องค์กรอิสระสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ  
              นอกจากนั้นยังเร่งรัดหักดิบให้ออกกม.นิรโทษกรรม  การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๙๐...ฯลฯ





          เมื่อรัฐบาลไม่เปิดทางเลือกให้ประชาชนที่ต้องการมีความหวังต่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปในทุกด้านและสนับสนุนระบอบประชาธิปไตย.....ฉันจึงไม่ใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้

           การไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ไม่ได้หมายถึงการคัดค้านระบอบประชาธิปไตย  เพราะเป็นสิทธิการตัดสินใจของแต่ละคน      ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ต้องหมายถึงการมีสิทธิเสียงตัดสินใจของประชาชน   ที่เลือกตั้งตัวแทนมาทำหน้าที่บริหาร..บนหลักการให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  และมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์  มีสิทธิมีเสียงต่อไปหลังการเลือกตั้งที่สามารถร่วมจัดการฐานทรัพยากรเพื่อคุณภาพชีวิต   สภาพแวดล้อมของชุมชนตนเอง และสามารถตรวจสอบรัฐบาล  นักการเมืองได้

          ฉันยังเชื่อมั่นว่าอนาคตของสังคมไทย   อนาคตของประชาชนยังมีความหวังเสมอ
                     
                                                                                                                สุนี ไชยรส,๓๐ มกราคม ๕๗