"๗ ปีแห่งคุณค่าการเรียนรู้ใน กสม."
(๒)
กระบวนการสรรหา กสม. ชุดที่ ๒ :
ความเปลี่ยนแปลงหลักที่ถูกวิพากษ์
ควรบันทึกไว้ ณ ที่นี้ว่ารัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ ได้สร้างปัญหาต่อ กสม.ไว้หลายประการ ซึ่ง กสม.และภาคประชาชนได้ทักท้วงในช่วงเวลานั้น ด้วยการแถลงข่าว และมีบันทึกเสนอต่อสภาร่างรัฐธรรมนูญตั้งแต่เริ่มต้น จน กสม.ได้นำเสนอร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ“เจตนารมณ์ประชาชน” ฉันเองก็ได้พูดในเวทีอภิปรายต่างๆ รวมทั้งในรายการวิทยุและโทรทัศน์ และเขียนวิจารณ์ในหนังสือพิมพ์เป็นการส่วนตัว แต่ไม่เป็นผล คงต้องรอการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ ในโอกาสต่อไป[1]
ปัญหาที่สำคัญประการแรก คือ มีการลดทอนจำนวน กสม. จาก ๑๑ คน เหลือ ๗ คนอย่างไม่มีเหตุผล ทั้งที่ภารกิจด้านสิทธิมนุษยชนมีมิติที่กว้างขวาง ซับซ้อน ต้องการความหลากหลายของประสบการณ์ด้านสิทธิเสรีภาพ มีภารกิจทั่วประเทศ ต้องดำเนินการทั้งการตรวจสอบ การรณรงค์วัฒนธรรมสิทธิมนุษยชน และการเสนอแนะต่อกฎหมาย นโยบายของรัฐ รวมทั้งมีอำนาจหน้าที่เพิ่มในการเสนอและฟ้องต่อศาลต่างๆอีกด้วย
ปัญหาที่สำคัญประการที่สอง คือ การทำลายจุดเด่นและจุดแข็งของกระบวนการและองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหา กสม. และผูกปมให้ภาคประชาสังคมต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ในโอกาสที่จะมีต่อไป จากเดิมที่ไม่มีการบัญญัติกระบวนการสรรหาไว้ในรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ แต่อยู่ใน พ.ร.บ.คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ โดยมีคณะกรรมการสรรหา ๒๗ คนที่ยึดโยงกับภาคประชาสังคมต่างๆ คือจากองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนที่มีการขึ้นทะเบียน และเลือกกันเองเหลือ ๑๐ คน สื่อมวลชน จากหนังสือพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ รวม๓ คน นักวิชาการ จากการให้อธิการบดีของสถาบันอุดมศึกษาที่เป็นนิติบุคคล เลือกกันเอง ๕ คน ร่วมกับพรรคการเมืองที่มี ส.ส. ๕ คน ร่วมกับประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลฎีกา อัยการสูงสุด และนายกสภาทนายความ ซึ่งหากเห็นว่ามีจุดอ่อนก็สามารถปรับปรุงแก้ไขได้บ้าง เพราะเป็นเพียงกฎหมาย แต่กลับไปบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ ที่จะแก้ไขได้ยาก และกลับเป็นการเปลี่ยนจุดเด่นขององค์ประกอบและกระบวนการสรรหา กสม.ให้กลายเป็นจุดด้อยและจุดอ่อน ด้วยการออกแบบจำกัดให้คณะกรรมการสรรหาองค์กรอิสระต่าง ๆ เป็นชุดเดียวกันเกือบทั้งหมด
โดยเฉพาะ กสม. ที่ตัดขาดการยึดโยงกรรมการสรรหากับภาคประชาสังคมทั้งหมด บัญญัติให้มีกรรมการสรรหา กสม. เพียง ๗ คน จากประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และประธานศาลปกครองสูงสุด ผู้ที่ถูกเลือกจากที่ประชุมใหญ่ของตุลาการศาลฏีกา ๑ คน และผู้ที่ถูกเลือกจากที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ๑ คน และจากนักการเมือง ๒ คน คือประธานสภาผู้แทนราษฎร และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฏร
เดิมในกฎหมาย กสม.ปี ๒๕๔๒ กำหนดให้คณะกรรมการสรรหา เสนอรายชื่อ กสม.จำนวน ๒ เท่าของ กสม. ที่จะเลือกต่อวุฒิสภา เช่น เสนอรายชื่อ ๒๒ คน ให้วุฒิสภาเลือก ๑๑ คน ในกรณีเลือกใหม่ทั้งคณะ หรือสองเท่าของจำนวนที่ต้องคัดเลือกใหม่ เมื่อ กสม.ว่างลงด้วยเหตุต่างๆ โดยที่รัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ ออกแบบให้วุฒิสภาซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง เป็นผู้ใช้อำนาจเลือกองค์กรอิสระแทนประชาชน แต่รัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ กลับให้คณะกรรมการสรรหาเสนอรายชื่อ กสม. เพียงเท่าจำนวนที่ต้องการคัดเลือก วุฒิสภามีหน้าที่เพียงเห็นชอบหรือไม่เท่านั้น ไม่มีสิทธิเลือก ถ้าไม่เห็นชอบทั้งหมด หรือรายบุคคล แต่คณะกรรมการสรรหามีมติเอกฉันท์ยืนยันรายชื่อดังกล่าว วุฒิสภาก็ไม่มีสิทธิทักท้วงใดๆ ทั้งยังออกแบบองค์ประกอบของวุฒิสภา จาก ๑๕๐ คนให้มาจากการเลือกตั้ง ๗๖ คน จากการสรรหา ๗๔ คน โดยกรรมการสรรหาวุฒิสมาชิกก็มาจากองค์ประกอบเพียง ๗ คน[2] การขาดการยึดโยงกับภาคประชาสังคม และไม่มีการถ่วงดุลพินิจของกรรมการสรรหา จึงน่าจะเป็นจุดด้อยที่สำคัญ
การเป็น กสม. ที่มีภารกิจหน้าที่สำคัญในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์และบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และพันธกรณีระหว่างประเทศที่ไทยเป็นภาคี ประกอบกับความเชื่อมโยงจากการเคยเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ ทำให้ฉันมีโอกาสได้พูด ได้เขียนเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากวาระครบรอบ ๔ ปี จนถึง ๘ ปีของรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ จนต่อมาได้เขียนวิจารณ์กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ และเนื้อหาบางส่วนของรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ ไว้ด้วย [3]
ควรต้องบันทึกไว้อีกเช่นกันว่า กสม.มีความพยายามประสานงานกับประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อ กสม. จะได้นำเสนอปัญหาและบทเรียนจากการใช้รัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ ต่อสภาร่างรัฐธรรมนูญ ก่อนการยกร่าง แต่ได้รับการปฏิเสธ สภาร่างฯกลับกำหนดวิธีการให้ กสม.เสนอข้อคิดเห็นในเวทีรับฟัง ๑๒ องค์กรที่กำหนดในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.๒๕๔๙ ด้วยวิธีการนี้ ทำให้ กสม. ปฏิเสธที่จะดำเนินการร่วมด้วย เพราะไม่มีประโยชน์ใดๆ
ในช่วงร่างรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ กสม. จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นกับเครือข่ายต่างๆทุกภูมิภาค ฉันร่วมรับฟังด้วยในทุกเวที ทั้งในฐานะ กสม. และในฐานะประธานกรรมการการพัฒนาเครือข่าย ของสำนักงาน กสม. เราพยายามเชิญผู้แทนสภาร่างรัฐธรรมนูญมาร่วมรับฟังด้วย ซึ่งคุณเดโช สวนานนท์มาร่วมด้วย สองเวที
กสม.มีข้อเสนอแนะอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการปฏิรูปการเมือง และกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และเสนอในการแถลงข่าว ๓ ครั้ง คือ
-วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๔๙ เรื่อง “ต้องประกันความอิสระและการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนอย่างแท้จริง ในกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อปฏิรูปการเมือง”
-วันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๐ มีข้อเสนอแนะทบทวนพระราชกฤษฎีกา เรื่อง “ข้อโต้แย้งหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ”
-วันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๐ กสม. ร่วมกับ สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบล(อ.บ.ต.)แห่งประเทศไทย ยื่นข้อเสนอต่อประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ ที่รัฐสภา เรื่อง “ข้อเสนอปฏิรูปการเมือง กรอบการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นบนฐานคิดใหม่”
วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐ กสม.จัดแถลงข่าว เรื่อง “รัฐธรรมนูญประชาธิปไตยต้องเป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน” และ กสม.ได้จัดพิมพ์ รัฐธรรมนญฉบับเจตนารมณ์ประชาชน เผยแพร่ต่อสาธารณะและองค์กรเครือข่ายทั่วประเทศหลายหมื่นเล่ม [4]
[1] บทความโดย สุนี ไชยรส ตีพิมพ์ใน นสพ.มติชน ๒ ครั้งเรื่อง “กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ระวังจะถอยหลังตกเหว, ฉบับวันศุกร์ที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๔๙ และ “ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ยังไม่ใช่คำตอบปฏิรูปการเมือง” ฉบับวันเสาร์ที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๔๙ ซึ่งตีพิมพ์รวมอยู่ในหนังสือ รัฐธรรมนูญ กับบทเรียนของ กสม. จัดพิมพ์โดยสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ , ๒๕๕๒. ส่วนรายการโทรทัศน์ เช่น รายการทันข่าวเที่ยงวัน “ที่มาขององค์กรอิสระ” สัมภาษณ์สุนี ไชยรส วันที่ ๑๑ พค.๒๕๕๐ เวทีรัฐธรรมนูญ มี สุนี ไชยรส คุณศรีราชา เจริญพานิช เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา และกรรมาธิการยกร่าง และคุณประสงค์ มหาลีตระกูล รองโฆษกศาลยุติธรรม ดำเนินรายการโดย คุณสุวิช สุขประภา วันที่.๑๘ พค.๕๐ และ รายการหมายเหตุประเทศไทย “สิทธิมนุษยชนในรัฐธรรมนูญใหม่ “ โดย ศ. เสน่ห์ จามริก และ สุนี ไชยรส ดำเนินรายการโดย อดิศักดิ์ ศรีสม วันที่ ๒๓ พ.ค.๕๐ ฯลฯ
[2] องค์ประกอบ ๗ คนคือ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธาน กกต. ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประธาน ป.ป.ช. ประธาน คตง. ผู้พิพากษาในศาลฎีกาที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามอบหมาย ๑ คน ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดที่ที่ประชุมใหญ่ตุลาการ ในศาลปกครองสูงสุดมอบหมาย ๑ คน
[3] จินตนา ณ ระนอง บุญเกื้อ สมนึก บรรณาธิการ. รัฐธรรมนูญ กับ บทเรียนของ กสม. รวมบทความและบทสัมภาษณ์ สุนี ไชยรส, จัดพิมพ์โดย สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ,๒๕๕๒ ซึ่งมีบทความว่าด้วยรัฐธรรมนูญ ๗ บท ประกอบกับบทความและบทสัมภาษณ์อื่น เกี่ยวกับภารกิจของ กสม.
[4] อ่านรายละเอียดใน บทที่ ๒ สถานการณ์เด่น ,ใน รายงานผลงานประจำปี ๒๕๕๐ ของ กสม. และ รัฐธรรมนูญฉบับเจตนารมณ์ประชาชน โดย กสม.,๒๕๕๐
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น